สนง.ตำรวจแห่งชาติ แถลงกรณีพบ ยาไอซ์ บน เรือสินค้าไทย

สนง.ตำรวจแห่งชาติ แถลงกรณีพบ ยาไอซ์ บน เรือสินค้าไทย

ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงกรณีพบ ยาไอซ์ บน เรือสินค้าไทย ที่เทียบท่าประเทศออสเตรเลีย ยืนยันได้ข้อมูลผู้นำส่งแล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กแถลงถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจออสเตรเลียสามารถยึดยาไอซ์ที่ซ่อนมากับเตาไฟฟ้าและกาน้ำบนเรือสินค้าไทย น้ำหนัก 316 กิโลกรัม มูลค่าเกือบร้อยล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย

โดยพลตำรวจโทมนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 

เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่มีรายงานจากสำนักข่าวต่างประเทศว่าตำรวจออสเตรเลียสามารถยึดไอซ์น้ำหนัก 316 กิโลกรัมมูลค่ากว่า 100 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลียหรือราว 2400 ล้านบาทซุกซ่อนมาในเตาปิ้งย่างไฟฟ้าและกาน้ำร้อนไฟฟ้า 62 กล่อง บนเรือขนส่งที่มาจากประเทศไทยและเข้าจอดเทียบท่าเรือในนครซิดนีย์ ว่ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ประสานขอข้อมูลไปกับ สำนักงานตำรวจประเทศออสเตรเลีย และหน่วยสืบสวนอาชญากรรมของประเทศออสเตรเลียแล้ว

เบื้องต้นตำรวจปราบปรามยาเสพติดได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวจนทราบว่าสินค้าตู้ดังกล่าวถูกส่งมาจากท่าเรือแหลมฉบังโดยนำตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นที่ท่าเรือดังกล่าวและได้มีการตรวจสอบย้อนหลังไปจนทราบข้อมูลของผู้ที่ส่งสินค้าตู้ดังกล่าวแล้วพบว่าเป็นบริษัทนิติบุคคลรายหนึ่งและทราบข้อมูลของบุคคลที่นำส่งแล้ว อยู่ระหว่างการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานว่าบริษัทดังกล่าวมีส่วนร่วมกับการขนส่งยาเสพติดล็อตดังกล่าวออกนอกประเทศหรือไม่หรือเป็นการว่าจ้างจากบริษัทหรือบุคคลอื่นอีกทอดหนึ่ง

นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบว่าบริษัทดังกล่าวเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าที่มีการแอบแฝงยาเสพติดไปยังประเทศต่างๆด้วยหรือไม่ ทั้งนี้หากได้ข้อมูลจากตำรวจออสเตรเลียแล้วจะนำมาประกอบกับข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของตำรวจปราบปรามยาเสพติดและจะดำเนินการออกหมายเรียกหรือหมายจับมาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้จากข้อมูลของตำรวจออสเตรเลียเชื่อว่าขณะนี้มีขบวนการลักลอบขนยาเสพติดจากประเทศไทยเป็นประเทศต้นทางส่งต่อไปยังประเทศปลายทางคือประเทศออสเตรเลียบ่อยครั้ง ซึ่งที่นั่นมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นเครือข่ายยาเสพติดอยู่เป็นจำนวนมาก โดยตำรวจออสเตรเลียอยู่ระหว่างการปราบปรามขยายผลกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และจับตามองสินค้าต่างๆที่ส่งมาจากประเทศไทยในทุกช่องทาง รวมถึงชาวไทยที่เดินทางเข้าออกประเทศ เพราะเกรงว่าจะมีการลักลอบขนส่งเข้ามาโดยผิดกฎหมาย

รู้จัก ‘กิโยติน’ พระตัดคอตัวเอง ถวายพุทธบูชา มีมาตั้งแต่ยุคพระเจ้าหลุยส์

พระตัดคอตัวเอง กิโยติน – ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดข่าวสะเทือนขวัญวงการสงฆ์ เมื่อพระสงฆ์รูปหนึ่ง ชื่อทางธรรม พระธรรมกร ฐานธัมโม วัย 68 ปี ผู้เป็นใหญ่ในสำนัก ภูหินกองบนเขาภูพาน บ้านนาแค ต.หนองบัว อ.เมืองฯ จ.หนองบัวลำภู ตัดสินใจอัตวินิบาตกรรม ด้วยการใช้เครื่องกิโยติน ตัดศีรษะตัวเอง เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และหวังจะได้บรรลุธรรม เป็นพระอนาคตาพระพุทธเจ้า หรือ พระศรีอริยเมตไตรย

ลักษณะการเกิดเหตุ ย้อนกลับไปวันที่ 14 เม.ย. 2564 ช่วงวันสงกรานต์ พระธรรมการ ตัดสินลาสิกขา ช่วงเย็นเวลา 18.39 น. ก่อนที่วันรุ่งขึ้นช่วงเช้ามืด เวลา 05.19 น.ได้ตัดศีรษะตัวเองด้วยกิโยตินที่สร้างขึ้น โดยเมื่อเกิดเหตุสะเทือนขวัญผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ได้สอบถามชาวบ้านแถวนั้น ได้พบความคิดเห็นที่น่าตกใจ ชาวบ้านหลายคนมีความคิดเห็นด้วยกับพิธีกรรมของพระธรรมกร และมองว่า พระท่านได้บรรลุแล้ว

ความน่าสยองมีเพิ่มมากขึ้น เมื่อไปสำรวจตรงจุดที่เคยเป็นกิโยตินตัดศีรษะพระธรรมกร ได้มีรูปปั้นน่ากลัว เป็นรูปปั้นชายน่าจะเป็นเทพ นั่งท่าเทพบุตร ไม่มีศีรษะ เพราะศีรษะถูกบั่นขาด และเจ้าของหัวก็ชูศีรษะขึ้นคล้ายจะถวายแก่ใครสักคน

ที่น่าตกใจคือ เมื่อสำรวจไปเรื่อย ๆ ก็พบว่า การกระทำตัดคอตัวเองของพระธรรมการ ไม่ได้เกิดจากความหุนหันพลันแล่นแต่มีความคิดนี้มาแล้วกว่า 5 ปี เมื่อครบกำหนด ก็จัดพิธีสยองดังกล่าว เพื่อหวังว่าการบูชาพระพุทธเจ้าด้วยเลือดเนื้อชีวิตนี้ จะส่งให้ พระธรรมกร ได้บรรลุเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้าเช่นเดียวกัน

หากใครได้ศึกษาช่วงเวลาปฏิวัติฝรั่งเศษที่ล้มราชวงศ์พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จะคุ้นเคยกับ ‘กิโยติน’ (guillotine) เครื่องมือประหารชีวิตสูงน่าสะพรึ่งที่นำมาใช้คร่าชีวิตในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศษ

กิโยตินกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งอุดมการณ์การปฏิวัติ เนื่องจากในช่วงต้นบุคคลที่ถูกประหารชีวิตด้วยเครื่องนี้ คือ มารี อ็องตัวแน็ตและพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ผู้เป็นทัพหน้าของความไม่พอใจจากชนชั้นล่างที่ต้องการ ความเสมอภาค อิสรภาพ และภารดรภาพ ก่อนที่ต่อมาหลังการปฏิวัติ ก็เกิดความวุ่นวายแย่งชิงอำนาจตามมา ทำให้กิโยตินได้ลิ้มเเลือดจากศีรษะชาวฝรั่งเศสจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ดยุกแห่งออร์เลอ็อง, มาดามรอล็อง และกลุ่มฌีรงแด็ง อ็องตวน ลาวัวซีเย เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดเคยอยู่ฝ่ายปฏิวัติมาก่อน

ทำให้ช่วงหนึ่งของฝรั่งเศสจึงได้ชื่อว่า สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว เพราะมีการสั่งประหารฝ่ายตรงข้ามด้วยกิโยตินจำนวนมาก

ลักษณะเครื่องประหารของกิโยติน มีลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์ โครงสร้างทำด้วยไม้ ลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าทรงสูง ด้านบนจะแขวนใบมีดรูปสีเหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ เมื่อจะทำการประหาร ก็จะทำลำคอนักโทษ วางอยู่บนแทนไม้ล่างสุดของกิโยติน จากนั้นจะปล่อยมใบมีดให้หล่นลงมาตัดคอ ด้วยความคม ความหนัก ทำให้ศีรษะของนักโทษถูกตัดขาดกระเด็นในทันที

กิโยตินจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้ของชาวฝรั่งเศสในสมัยโบราณ เมื่อพูดถึงกิโยติน คนมักจะนึกถึงการประหารเชื้อพระวงศ์ฝรั่งเศสเป็นอันดับแรก

แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร